ข้าวตอกพระร่วง หินศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองสุโขทัย

ข้าวตอกพระร่วง เป็นชื่อของหินชนิดหนึ่งที่ชาวจังหวัดสุโขทัย และชาวบ้านในจังหวัดใกล้เคียงต่างรู้จักกันดีในแง่ของหินศักดิ์สิทธิ์ที่มีพุทธคุณหรืออานุภาพในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการถอนพิษจากสัตว์ร้าย ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย และยังช่วยในเรื่องอื่นๆ ได้
มาทำความรู้จักกับหินชนิดนี้กันให้มากขึ้น พร้อมกับความเชื่อต่างๆ ที่มากับหิน เป็นไปได้ว่าอ่านจบ คุณเองก็อาจจะอยากมีหินชนิดนี้ติดตัวไว้บูชาเช่นกัน
ข้าวตอกพระร่วง คืออะไร?
ข้าวตอกพระร่วง มีลักษณะเป็นหินก้อนสี่เหลี่ยมลูกบาศก์สีออกน้ำตาลอมแดง คล้ายกับสีสนิม ทรงคล้ายๆ กับลูกเต๋า มีขนาดเล็กใหญ่ที่แตกต่างกันไป แต่ความแปลกประหลาดก็คือ หากเราทุบหินก้อนใหญ่ให้แตกออก ก็จะได้เป็นหินสี่เหลี่ยมก้อนเล็กๆ จำนวนหลายๆ ก้อนแทน มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ที่จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ในทางวิทยาศาสตร์ มีการพิสูจน์กันแล้วว่า หินชนิดนี้ก็คือ “แร่ไพไรต์” นั่นเอง และเรื่องแปลกอีกเรื่องก็คือ หินชนิดนี้จะพบที่เขต ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัยเท่านั้น
แต่ในทางเกี่ยวกับความเชื่อ ก็มีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนานว่า ในสมัยพระร่วงเป็นกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยนั้น ได้ออกผนวชและได้โปรยข้าวก้นบาตรและข้าวตอกดอกไม้ที่เหลือลงบนพื้น แล้วอธิษฐานว่าขอให้ข้าวตอกและข้าวที่เหลืออยู่นี้กลายเป็นหินที่มีอายุยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน ใครที่เก็บไปบูชาก็ขอให้เป็นสิริมงคล มีโชคมีลาภ และปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อต่อๆ กันมา และได้ไปเก็บไว้พกติดตัวเป็นเครื่องรางวัตถุมงคลมาจนถึงปัจจุบัน
ไม่ใช่แค่ชาวสุโขทัยเท่านั้นที่เชื่อเรื่องนี้ แม้กระทั่งพระนางจามเทวี เจ้าเมืองลำพูน ก็ยังได้ให้คนมาเก็บหินชนิดนี้เพื่อนำไปเป็นมวลสารในการสร้างพระรอด พระคง ที่โด่งดังและมีราคาแพงจนถึงทุกวันนี้ และหลังจากนั้นก็มีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่านที่ได้นำหินชนิดนี้มาทำเป็นเครื่องรางของขลังแจกให้กับลูกศิษย์เพื่อคุ้มกันตัวเอง
อ่านเพิ่มเติม : ทนสิทธิ์ คืออะไร ทำไมเราถึงควรมีสิ่งนี้พกติดตัว
ข้าวตอกพระร่วง มีพุทธคุณอะไรบ้าง?
อย่างที่ได้เกริ่นนำไปในข้างต้นว่า ข้าวตอกพระร่วงนี้ช่วยถอนพิษสัตว์ร้าย ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย และช่วยให้มีโชคลาภด้วย แต่จริงๆ แล้วหินชนิดนี้ยังมีพุทธคุณมากกว่านั้น ถึงขนาดที่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
คนล้านนาโบราณ จะเรียกหินชนิดนี้ว่า “เป็ก” ถือเป็นเหล็กไหลกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง ที่ช่วยป้องกันอาวุธ ป้องกันอสรพิษ และป้องกันคุณไสยเสนียดจัญไร ถึงขนาดที่เอามาโปรยไว้รอบๆ คูเมืองเพื่อให้ช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
มีครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้นำหินชนิดนี้มาแจกเมื่อปี พ.ศ.2518 โดยได้กล่าวถึงพุทธคุณเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่ได้นำหินชนิดนี้ติดตัวไปด้วย เช่น
- สามารถอาราธนาแล้วอมไว้แก้กระหายน้ำได้เมื่อธุดงค์ในป่าลึก
- สามารถใช้เป็นยา จากการนำหินไปต้มน้ำเพื่อรักษาอาการท้องร่วงของพระธุดงค์ในป่า
- ป้องกันอาวุธได้ มีผู้ที่พกพาหินชนิดนี้ติดตัวถูกโจรยิงเพื่อปล้นควาย แต่ไม่มีบาดแผลใดๆ บนร่างกายเลย
- สามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาว แล้วนำมาใช้รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้
- นำมาผสมในตลับสีผึ้งทาปาก เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เป็นเมตตามหานิยม
ข้าวตอกพระร่วง ราคาเท่าไร สามารถพกพาแบบไหนได้บ้าง?
ปกติแล้วราคาของหินชนิดนี้ จะเริ่มต้นที่เม็ดเล็กๆ เม็ดละ 50-90 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด แต่ถ้าหากผ่านการเจียระไนทำเป็นเครื่องประดับแล้ว จะเริ่มต้นตั้งแต่ 100 บาทเป็นต้นไปสำหรับหัวแหวน ถ้าหากเป็นกำไลจะอยู่ที่เส้นละ 500-800 บาทขึ้นไป แต่ถ้าหากเป็นลูกประคำสำหรับสวดมนต์ จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท
หากสนใจ แนะนำให้ซื้อกับร้านที่ขายเกี่ยวกับข้าวตอกพระร่วงโดยตรง ซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวเมืองสุโขทัยที่คุ้นเคยกับการทำเครื่องประดับจากหินชนิดนี้อยู่แล้ว เพราะราคาจะไม่สูงมาก มีวิธีบูชา และมั่นใจได้ว่าเป็นของจริง
บทความแนะนำ

พระเนื้อชิน คืออะไร ทำไมเซียนพระถึงชอบพูดถึงพระชนิดนี้ ?
พระเนื้อชิน คืออะไร มีพุทธคุณอะไรบ้าง พร้อมแนะนำเบญจภาคีพระเครื่องเนื้อชินที่เซียนพระลงความเห็นให้เป็นที่สุด

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม กับเรื่องเล่าจากหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม คืออะไร มีพุทธคุณด้านไหน พร้อมข้อความที่หลวงปู่ดู่พูดถึงพระองค์นี้ว่าดียังไง

ทนสิทธิ์ คืออะไร ? ทำไมเราถึงควรมีเครื่องรางชนิดนี้ติดตัว ?
ทนสิทธิ์ คืออะไร เครื่องรางแบบไหนบ้างที่จัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ แล้วเครื่องรางนั้นๆ มีฤทธิ์อะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบให้

รู้จักเบี้ยแก้ เครื่องรางกันผี กันคุณไสย อานุภาพครอบจักรวาล
ทำความรู้จักกับเบี้ยแก้ เครื่องรางโบราณที่มีพุทธคุณมากมาย ทั้งกันผี กันคุณไสย พร้อมแนะนำวิธีบูชาเพื่อให้เบี้ยปกป้องคุณได้เต็มที่