อิติปิโสถอยหลัง รวมทุกเรื่องที่น่ารู้ เกี่ยวกับพระคาถานี้

อิติปิโสถอยหลัง อาจจะเป็นคำที่หลายคนไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งถ้าไม่ได้อยู่ในวงการพระเครื่อง หรือการสวดมนต์กรรมฐาน ก็อาจจะไม่คุ้นเคยเลยแม้แค่นิดเดียว สำหรับพระคาถานี้ มีที่มาจาก “อิติปิโส ภะคะวา” ที่รู้จักกันดี เพียงแต่จะเป็นการท่องแบบถอยหลัง ซึ่งก็จะมีพุทธคุณที่ต่างไปจากอิติปิโสแบบปกติ มาทำความรู้จักกับพระคาถานี้ให้มากขึ้น เพื่อเอาไปสวดป้องกันภัยให้ตัวเองกันดีกว่า

ที่มาของพระคาถาอิติปิโสถอยหลัง เริ่มต้นตั้งแต่พุทธกาล

มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุสงฆ์ที่ออกธุดงค์ไปในป่า จะพบเจออสุรกายหรือภูตผีปีศาจมาหลอกหลอนเป็นประจำ แม้พระภิกษุจะสวดคาถาอิติปิโสไล่ก็ไม่ไปไหน บางตัวยังแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการทำตัวเองใหญ่ขึ้นพร้อมแสดงความดุร้ายจนกลดที่พระปักไว้กระเด็นกระดอนไปหมด ภิกษุที่ไม่สามารถรับมือกับสิ่งนี้ได้ ได้ไปกราบทูลเล่าเรื่องให้พระพุทธเจ้าฟัง พระพุทธเจ้าจึงได้แนะนำให้สวดอิติปิโสถอยหลัง หรือที่เรียกว่าสวดแบบปฏิโลมดู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลดปล่อยอสุรกายต่างๆ เมื่อภิกษุนำไปปฏิบัติตาม ก็ช่วยได้จริงๆ เพราะเหล่าภูตผี อสุรกายทั้งหลายเมื่อได้ฟังก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนต้องยอมแพ้และรับปากว่าจะไม่ทำร้ายผู้ใดอีก และจากนั้นมาพระคาถานี้ก็เป็นที่รู้จักกันจนทั่ว

พระคาถาอิติปิโสถอยหลัง ต้องสวดยังไงบ้าง?

ติ วา คะ ภะ โธ พุท นัง สา 

นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ 

สา มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ 

นุต อะ ทู วิ กะ โล โต คะ 

สุ โน ปัน สัม ณะ ระ จะ ชา 

วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ 

อะ วา คะ ภะ โส ปิ ติ อิ

อ่านเพิ่มเติม : รวมบทสวดมนต์ อิติปิโส ทุกแบบ ยิ่งสวดยิ่งเสริมดวงชะตา

พระคาถาอิติปิโสถอยหลัง ควรสวดกี่จบถึงจะดีที่สุด?

เชื่อกันว่าพระคาถาบทนี้ เปรียบได้กับมหาจินดามนต์ ที่ยิ่งสวดได้มากเท่าไร ก็ยิ่งป้องกันตัวได้มากเท่านั้น ซึ่งก็มีการนำคาถานี้ไปใช้กันอย่างหลากหลาย และมีการบันทึกจำนวนคาบที่ควรสวดตามความต้องการดังต่อไปนี้

• ท่อง 3 หรือ 7 คาบ ก่อนเดินทางไปไหน จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ได้
• ท่อง 5 คาบ เป่าเสกหมาก หรือเสกน้ำมันทาตัวเมื่อต้องการลุยไฟ
• ท่อง 10 คาบ เป่าเหนือลม จะสามารถแก้คุณไสยต่างๆ ได้
• ท่อง 14 คาบ แล้วเป่าเหนือโซ่ตรวนหรือขื่อคา จะทำให้หลุดออกอย่างง่ายดาย ถ้าเป่าใส่อาหารกิน จะทำให้คงกระพัน
• ท่อง 15 คาบ พร้อมเอาลิ้นดุนเพดาน แล้วกระทืบเท้าเต็มแรง เป่าไปเป็นนะจังงัง ทำให้ศัตรูมึนงง อาวุธหลุดจากมืออย่างง่ายดาย
• ท่อง 17 คาบ เป่าใส่ผ้า เอามาทำผ้าประเจียดโพกหัว จะทำให้เราล่องหน คนมองไม่เห็นตัว
• ท่อง 19 คาบ หักกิ่งไม้แล้วเสกใส่ จะช่วยให้ศัตรูตามมาไม่ทัน หรือมองไม่เห็นตัว
• ท่อง 108 คาบ จะช่วยแก้ดวงที่ตกอยู่ และช่วยให้เคราะห์ร้ายกลายเป็นดีได้

หมายเหตุ : 1 คาบ คือการกลั้นลมหายใจแล้วบริกรรมคาถาจนครบ แล้วจึงหายใจตามปกติ

มีพระเกจิอาจารย์หลายท่านที่ใช้พระคาถานี้ในการปลุกเสกวัตถุมงคล หรือเครื่องรางต่างๆ จนได้ผลดี และเป็นที่ต้องการของศิษยานุศิษย์มาจนถึงปัจจุบัน เช่น หลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง, หลวงพ่อทบ วัดชนแดน, หลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน, หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า  

สามารถสวดพระคาถาอิติปิโสถอยหลัง กับวัตถุมงคลชนิดใดได้บ้าง?

นอกจากการสวดเพื่อคุ้มกันตัวและเพื่อเสริมสิริมงคลแล้ว พระคาถาอิติปิโสถอยหลังนี้ ยังใช้เสกมีดหมอและเบี้ยแก้ ในกรณีที่ต้องการนำไปป้องกันผี หรือนำไปถอนคุณไสยใดๆ ได้ด้วย แต่จะต้องสวด 108 จบติดต่อกันรวดเดียว และอาจจะต้องทำสมาธิตั้งจิตให้มั่นในระดับหนึ่ง เพื่อให้คาถามีฤทธิ์อย่างเต็มที่

อ่านเพิ่มเติม : มีดหมอ คืออะไร ทำไมถึงเป็นเครื่องรางที่ควรมีติดบ้านไว้

อ่านเพิ่มเติม : เบี้ยแก้ เครื่องรางป้องกันคุณไสย ภูตผี ที่ทุกคนควรมีติดตัว

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เสกทำน้ำมนต์แบบเร่งด่วนด้วยตัวเองได้ ด้วยการสวด 108 จบเช่นกัน จากนั้นให้อธิษฐานจิตว่าต้องการให้น้ำมนต์นี้ช่วยรักษา หรือแก้ปัญหาใด ก็จะช่วยให้ปัญหานั้นทุเลาลงไปได้ระดับหนึ่ง

วิธีบริกรรมพระคาถาอิติปิโสถอยหลัง ให้จิตสงบที่สุด และได้ผลดีมากที่สุด

อันดับแรกเลย คือต้องท่องพระคาถานี้ให้ได้คล่องเสียก่อน เพราะถ้าหากเขียนใส่กระดาษแล้วเอามาท่อง จะทำให้จิตว่อกแว่ก หรือทำให้สมาธิหลุดได้ง่าย หากเผลอละสายตาไปแค่ชั่วขณะหนึ่ง

หลังจากที่ท่องจำได้แล้ว เวลาสวดท่อง หรือบริกรรมพระคาถาอิติปิโสถอยหลัง ให้ท่องเพียงหนึ่งคำพร้อมกับหนึ่งลมหายใจ เช่น หายใจเข้า-ติ หายใจออก-วา หายใจเข้า-คะ หายใจออก-ภะ ท่องไปเรื่อยๆ จนจิตใจสงบแล้วค่อยเริ่มนับตามจำนวนรอบที่ต้องการ 

อีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ คือการบริกรรมอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่มีช่องว่างหรือช่องไฟเลย การท่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจลมหายใจ จะกลั้นลมหายใจแล้วท่องออกมาทีเดียวให้หมดชุดเลยก็ได้ แต่จะต้องโฟกัสที่ปลายจมูก หรือบริเวณเหนือสะดือ 1 นิ้ว แบบนี้จะนับเป็นคาบ เป็นแบบที่คนโบราณนิยมสวดท่องกัน