วัดมเหยงคณ์ วัดโบราณอายุเกือบ 700 ปี ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปอยุธยา

วัดมเหยงคณ์ วัดโบราณสมัยอยุธยาตอนต้นที่มีอายุเกือบ 700 ปี วัดนี้ยังมีทั้งประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม สถานปฏิบัติธรรม และยังไปขอพรได้ด้วย
วัดมเหยงคณ์

วัดมเหยงคณ์ เป็นวัดโบราณที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ถ้านับมาจนถึงปัจจุบันก็มีอายุร่วม 700 ปีแล้ว วัดนี้มีชื่อเสียงในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัดโบราณที่ยังคงมีโครงสร้างและสถาปัตยกรรมที่หลงเหลือจากการถูกทำลายในอดีตอย่างสมบูรณ์ประมาณนึง เป็นวัดที่เชื่อกันว่ามีปู่โสมเฝ้าสมบัติ เป็นวัดที่มีวิญญาณมากมาย และมีมิติเหลื่อมซ้อนกัน และเป็นวัดที่เป็นสถานปฏิบัติธรรมยอดนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากอยู่ไม่ห่างจาก กทม. มาก

ในบทความนี้จะขอพูดถึงวัดในแง่ของการเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา และประวัติที่เกี่ยวกับวัด และอาจจะพูดถึงตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์เพียงนิดเดียว เพื่อให้ใจความยังครบถ้วนอยู่ ถ้าหากเข้ามาอ่านบทความนี้ด้วยความคาดหวังว่าจะเจอเรื่องลี้ลับ หรือเรื่องภูติผีปีศาจ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง

ประวัติการสร้างวัดมเหยงคณ์ ฉบับย่อ

จากข้อมูลโดยตรงของสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ระบุชื่อผู้สร้างวัดแห่งนี้ตามพงศาวดารไว้ 2 ท่าน ได้แก่ พระนางกัลยาณี พระมเหสีของพระเจ้าธรรมราชา ช่วงประมาณ พ.ศ.1844-1853 ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามนี้ เท่ากับวัดนี้จะมีอายุมากกว่า 700 ปี เพราะสร้างขึ้นก่อนเริ่มก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา

ส่วนพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ได้ระบุว่าผู้สร้างวัดนี้คือเจ้าสามพระยา กษัตริย์พระองค์ที่ 7 แห่งกรุงสุโขทัย (ผู้สร้างวัดราชบูรณะ พร้อมสมบัติกรุงศรีมากมาย) ในช่วงปี พ.ศ. 1981 

อ่านเพิ่มเติม : พระกรุวัดราชบูรณะ มีที่มาอย่างไร รุ่นไหนที่ควรมีเก็บไว้บูชา

ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้สร้างก็ตาม แต่วัดนี้ก็มีความใหญ่โต และเจริญต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน มีการบูรณะปฏิสังขรณ์เรื่อยๆ จนกระทั่งการบูรณะใหญ่ที่สุดในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ช่วงปี พ.ศ. 2252 ก่อนเสียกรุงประมาณ 60 ปี ซึ่งหลังจากเสียกรุง วัดถูกทำลายกลายเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์มาจำพรรษา ไม่มีผู้ใดมาบูรณะ 

จนในปี พ.ศ.2527 พระครูเกษมธรรมทัต(ปัจจุบันเป็นพระภาวนาเขมคุณ วิ.) ได้จัดตั้งสำนักกรรมฐานขึ้นภายในวัดแห่งนี้ ซึ่งก็ได้มีการบูรณะวัดและดูแลเป็นอย่างดี เท่าที่จะทำกันเองได้ และในที่สุดกรมศิลปากรก็เข้ามาช่วยขุดแต่งและบูรณะให้ดีขึ้น จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยในตัว

จุดเด่นของวัดมเหยงคณ์ ที่ควรรู้ก่อนมาเยี่ยมชมที่วัด

จุดเด่นของวัดนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ฉนวนทางเดิน หรือทางเข้าวัดตั้งแต่บริเวณซุ้มประตู ไปจนถึงอุโบสถ เป็นลักษณะของถนนที่ปูด้วยอิฐ และมีแนวกำแพงสูง เชื่อกันว่าฉนวนทางเดินนี้ เป็นทางเดินสำหรับพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ต้องการเสด็จมาทำบุญที่วัด ทางเดินแบบนี้มีเหลือแค่ที่วัดมเหยงคณ์เพียงที่เดียวเท่านั้น แม้จะมีบันทึกว่ามีทางเดินแบบนี้จากพระราชวังมายังวัดพระศรีสรรเพชญ์อีก แต่ก็ถูกทำลายจนไม่เหลือหลักฐานทิ้งไว้แล้ว

ส่วนของอุโบสถจะยกสูงขึ้นไปจากพื้นพอสมควร (แนะนำให้ใส่ถุงเท้ามาด้วย เพราะระหว่างเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะเดินเข้าไปในอุโบสถ พื้นจะร้อนมาก) ภายในอุโบสถจะเหลือเสาอิฐโบราณ และ “หลวงพ่อหินทราย” ประดิษฐานอยู่ สามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง หรือหน้าที่การงานได้

ด้านหลังของอุโบสถ จะมีเจดีย์ประธาน ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของวัดในสมัยนั้นๆ ถึงแม้จะหักพังลงมาแล้ว ก็ยังสามารถชมความสวยงามได้อยู่ และด้านหลังของเจดีย์ จะเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน เชื่อกันว่าแต่เดิม พื้นที่บริเวณวิหาร คืออุโบสถ ส่วนอุโบสถด้านหน้า คือวิหารสลับกัน แต่มาเปลี่ยนแปลงในช่วงบูรณะปฏิสังขรณ์สมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ที่ให้ความสำคัญกับอุโบสถมากกว่า ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะพงศาวดารมีการบันทึกไว้ว่าใช้เวลาในการบูรณะนานถึง 3 ปี และมีการฉลองหรือสมโภชวัดนานถึง 3 วัน

อีกจุดหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีความสำคัญมาก คือบริเวณโคกโพธิ์ หรือเนินดินทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่อยู่บริเวณทิศตะวันออกของวัด เชื่อกันว่าแต่เดิมบริเวณนี้น่าจะเป็นพลับพลาที่ประทับของพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ในช่วงสงครามเสียพระศรีสุริโยทัย แต่เมื่อคราวบูรณะปฏิสังขรณ์ก็มีการสร้างเจดีย์ขึ้นไปบนเนินดินนี้ และปัจจุบันก็กลายเป็นลานธรรมจักษุ

จุดสุดท้ายที่คนทั่วไปอาจจะไม่จำเป็น แต่คนสายมู หรือคนที่มองเห็นอะไรบางอย่าง อาจจะต้องแวะไปเยือนสักหน่อย คือศาลของแม่ศรีเมือง แต่รายละเอียดส่วนนี้ไม่ขอระบุอะไรเพิ่มเติม เป็นวิจารณญาณส่วนบุคคลได้เลย

ทำไมถึงมีตำนานปู่โสม ที่วัดมเหยงคณ์

มีความเชื่อกันว่า วัดมเหยงคณ์นี้ เปรียบเสมือนวัดพี่-วัดน้องกับวัดกุฎีดาว วัดที่ขึ้นชื่อเรื่องสมบัติ และปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ดังที่ได้มีพระองค์เจ้าพระองค์หนึ่งได้ลองไปขุดมาแล้ว และก็เจอเรื่องราวมากมายหาอ่านกันได้ในอินเตอร์เน็ต จึงทำให้เชื่อกันว่าที่วัดแห่งนี้ ก็ย่อมต้องมีสมบัติ และมีปู่โสมด้วยเช่นกัน (หรือบางทีอาจจะเป็นย่าโสม)

อีกตำนานหนึ่งที่เคยได้ยินมา คือเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ใต้วัดกุฎีดาว กับวัดแห่งนี้มีอุโมงค์ที่ขุดเชื่อมถึงกัน เพื่อฝังสมบัติเอาไว้ (ลองนึกถึงเรื่อง “พิษสวาท”) ซึ่งไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นแบบไหน แต่ก็พออนุมานได้ว่าใต้สองวัดนี้น่าจะมีสมบัติเหมือนกัน และการมีผู้เฝ้าสมบัติหรือผู้เฝ้าแผ่นดินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จะแปลกก็เพียงอย่างเดียวคือสมบัติไม่ใช่ของเรา จะไปขุดหรือลักเอามาเป็นของตัวเองเพื่อให้เกิดอาถรรพ์ร้ายแก่ตัวเองและครอบครัวกันทำไม

วัดอื่นๆ ใกล้วัดมเหยงคณ์ มีวัดอะไรบ้าง

สุดท้ายนี้ ใครมาเที่ยววัดนี้แล้ว ถ้าอากาศไม่ร้อนมากเกินไป ก็ยังมีวัดเล็กๆ อยู่ข้างๆ ชื่อวัดสีกาสมุด และวัดช้าง ที่มีช้างจริงๆ ให้ขึ้นนั่งกันด้วย สำหรับวัดช้างนี้ พงศาวดารระบุว่า น่าจะเป็นจุดตั้งค่ายของบุเรงนองเมื่อครั้งมาตีกรุงศรีอยุธยา สมัยเสียกรุงครั้งที่ 1 ด้วย

บทความแนะนำ

ปล่อยปลาหน้าเขียง

ปล่อยปลาหน้าเขียง ทำแล้วดีจริงหรือไม่? บทความนี้มีคำตอบให้!

ปล่อยปลาหน้าเขียงคืออะไร หาซื้อได้จากที่ไหน ปล่อยปลาอะไรถึงจะดี ทำแล้วจะดีจริงหรือไม่ บทความนี้มีทุกคำตอบให้คุณ!

อ่านต่อ »
วัดกลางบางพระ

วัดกลางบางพระ หลวงพ่อสมหวัง จะขออะไรก็สมหวังได้ดั่งใจนึก

ใครหาที่มูอยู่ แนะนำหลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ จ.นครปฐม เดินทางง่าย มูก็ไม่ยาก ทำตามขั้นตอนในบทความนี้ได้เลย

อ่านต่อ »
ทำน้ำมนต์ล้างสิ่งอัปมงคล

วิธีทำน้ำมนต์ชะล้างสิ่งอัปมงคล หลวงพ่อเงิน กตสาโร

ใครที่รู้สึกว่าตัวเองเจอแต่สิ่งไม่ดี สิ่งอัปมงคล ลองทำน้ำมนต์ชะล้างสิ่งอัปมงคลของหลวงพ่อเงิน กตสาโรได้ ตามวิธีการในบทความนี้

อ่านต่อ »