พระกรุวัดราชบูรณะ มีที่มาอย่างไร และรุ่นไหนที่ควรมีเก็บไว้บูชา

พระกรุวัดราชบูรณะ เป็นพระเครื่องที่ไม่มีเซียนพระคนไหนที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยิน แม้กระทั่งคนที่ไม่เล่นพระ แต่มีอายุมากกว่า 65 ปีก็ต้องรู้จักพระกรุนี้จากเหตุการณ์ที่มีโจรลักลอบขุดกรุวัดนี้จนเป็นที่โด่งดังไปทั้งประเทศและทั่วโลก มาทำความรู้จักกับพระกรุนี้ รวมถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้ พร้อมแนะนำพระรุ่นที่ควรหามาครอบครอง (หากยังสามารถหาได้อยู่)

พระกรุวัดราชบูรณะ มีที่มาจากอะไร ทำไมเซียนพระถึงรู้จักกันหมด

อันดับแรก ต้องย้อนกลับไปในช่วงฤดูฝนของปี พ.ศ. 2500 ก่อน มีคนร้ายจำนวน 20 คนลักลอบเข้าไปขุดกรุในพระปรางค์ของวัดราชบูรณะ เป็นเวลาติดกัน 3 วัน 3 คืน ได้เครื่องทองต่างๆ ไปมูลค่ามากกว่า 100 กิโลกรัม และยังมีพระเครื่องอีกเป็นแสนองค์ แต่หลังจากที่คนร้ายได้สมบัติในกรุไปแล้ว ก็เกิดการหักหลังกันเรื่องส่วนแบ่ง เพราะมีคนที่รู้เรื่องเข้ามาขอแบ่งสมบัตินี้ด้วยอีกสิบคน รวมขบวนการนี้มีคนร้ายทั้งหมด 30 คน

คนร้ายบางส่วนถูกตำรวจจับกุม บางส่วนฆ่ากันตายเองเพราะแย่งสมบัติกัน บางส่วนก็เป็นบ้าใส่เครื่องทองไปรำอยู่หน้าตลาดหัวรอตอนเช้า ขณะที่บางคนก็เป็นบ้าเพราะเอาของไปฝากญาติไว้ แล้วถูกญาติโกงไปหมด บางคนก็ต้องหนีตำรวจจนหายสาปสูญไป ไม่มีใครได้อยู่ดีกันสักคน ว่ากันว่าสมบัติทั้งหมดนั้นสามารถตามคืนมาได้แค่เพียง 20% ส่วนที่เหลือมีทั้งไปอยู่ต่างประเทศบ้าง และถูกหลอมในร้านทองที่รับซื้อในช่วงเวลานั้นไปแล้ว (ร้านทองดังกล่าวถูกไฟไหม้แบบไม่มีสาเหตุด้วย)

จากคำให้การของคนร้ายที่ถูกจับกุม ได้ระบุว่าแต่เดิมตั้งใจจะเข้าไปขุดเอาพระเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อขุดไปเรื่อยๆ ก็เจอเครื่องทองมากมายจึงเปลี่ยนใจ เพราะพระที่พบเป็นเพียงพระเนื้อชิน และพระปรุหนังที่ดูไม่มีราคาอะไรมากมายนัก แต่ถึงกระนั้นคนร้ายก็ยังเก็บเอาไปมากมาย และยังมีปล่อยให้เช่าบูชาอยู่จนถึงตอนนี้ในราคาที่ไม่แพงมากนัก

อ่านเพิ่มเติม : พระเนื้อชิน คืออะไร มีพุทธคุณอย่างไรบ้าง?

พระกรุวัดราชบูรณะ มีพุทธคุณด้านไหนเป็นพิเศษหรือไม่?

เชื่อกันว่าพระกรุวัดราชบูรณะนี้ ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม เด่นในเรื่องของมหาอุด คงกระพัน หนังเหนียว และยังช่วยเสริมบารมีให้กับผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ที่ได้ทดลองด้วยตัวเองและได้มาบอกเล่าประสบการณ์ว่าเป็นเรื่องจริง บางคนถูกดักฟันก็ทำได้แค่เพียงเสื้อขาดรุ่งริ่ง แต่ไม่มีรอยแผลอะไรบนตัวเลย ด้วยสาเหตุนี้ก็ทำให้หลายคนพยายามหาพระกรุนี้มาใช้สำหรับป้องกันตัวจากอันตรายต่างๆ

เอาพระกรุวัดราชบูรณะมาห้อยคล้องคอได้มั้ย มีอาถรรพ์อะไรหรือเปล่า?

อย่างที่เราทราบกันดีว่า พระกรุวัดราชบูรณะส่วนใหญ่ เป็นพระที่ถูกผู้ร้ายลักลอบขุดออกไปโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของเดิม เพราะฉะนั้นพระในส่วนนี้จะเต็มไปด้วยคำสาปแช่งและอาถรรพ์ ผู้ที่ได้ครอบครองจะเจอแต่เรื่องไม่ดีจนต้องเอาพระไปคืน หรือเอาไปไว้ที่วัด แม้จะผาติกรรมก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

แต่ก็ยังมีพระอีกส่วนหนึ่ง ที่กรมศิลปากรเป็นผู้ขุดออกมาทั้งหมดเอง พระในส่วนนี้มีเอาไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ลูกหลานได้เห็นในอนาคต และมีส่วนที่เอามาให้ประชาชนได้เช่าบูชาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ รวมถึงซ่อมแซมโบราณสถานต่างๆ พระชุดนี้จะมีพลังงานที่สะอาด ใช้ป้องกันคุ้มภัยได้ดี และยังช่วยเสริมอำนาจวาสนาอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าคุณไม่ได้เป็นคนชอบสะสมพระ ไม่ได้ชอบสะสมของโบราณ ก็ไม่แนะนำให้บูชาไว้กับตัว ที่เป็นเช่นนี้เพราะเจตนาของผู้สร้าง (เจ้าสามพระยา หรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2) ต้องการให้พระเครื่องทั้งหมดนี้ เป็นพระบรรจุในกรุเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเชื่อว่ามีทั้งหมด 84,000 องค์ ตามจำนวนพระธรรมขันธ์ที่สืบทอดกันมา เมื่อผิดเจตนาอันบริสุทธิ์ที่ผู้สร้างตั้งใจไว้ ถึงแม้พระจะราคาไม่แพง หรือแทบไม่มีค่าอะไรเลยในสมัยนั้น ก็อาจนำพาสิ่งร้ายๆ มาให้จนยากที่จะคาดเดาได้

ถ้าอยากได้พระกรุวัดราชบูรณะจริงๆ ควรหารุ่นไหนดี ?

พระกรุนี้ มีหลายรุ่นมากๆ เช่น พระพิมพ์ยอดขุนพล พระพิมพ์หูยาน พระพิมพ์ใบขนุน พระพิมพ์อู่ทอง พระพิมพ์นาคปรก พระพิมพ์โมคคัลลานะ เป็นต้น แต่พระเหล่านี้คนโบราณมักจะนิยมถวายเป็นพุทธบูชามากกว่าจะนำมาห้อยคอ ถ้าหากต้องการมาบูชาอยู่กับตัวจริงๆ จะแนะนำเป็นพระสีวลี หรือพระปิดตามากกว่า พระเหล่านี้ก็ถูกบรรจุลงไปในกรุด้วย แต่อาจจะเจอน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ ตามที่กล่าวมา

ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นพระสีวลี พระปิดตา หรือพระสังกัจจายน์ หากสังเกตให้ดีจะพบว่าพระทั้ง 3 องค์นี้ จะเด่นในด้านโภคทรัพย์ หรือขอโชคขอลาภเป็นหลัก ซึ่งคนโบราณจะนิยมนำผ้ามาห่อแล้วพกติดตัวไว้ เนื่องจากที่คอของพวกเขาเต็มไปด้วยตะกรุดและผ้าประเจียดหมดแล้ว และส่วนใหญ่การนำพระทั้ง 3 องค์นี้มาบรรจุลงไปในกรุ ก็อาจจะด้วยเหตุผลให้เรียกลาภผลจากการให้คนเข้ามาบุญที่วัดไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ร้อยปีก็ตาม

แต่ทั้งนี้ หากบังเอิญได้พระสีวลี หรือพระปิดตาภควัมปติของแท้มาจากกรุวัดราชบูรณะแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถนำมาห้อยคอได้เลย แต่ควรนำไปผาติกรรมเสียก่อนเพื่อคลายอาถรรพ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ และเพื่อเป็นการบอกกล่าวผู้สร้างหรือเจ้าของเดิมว่าจะนำมาใช้ค้าขาย หรือขอโชคลาภอะไรก็ว่าไป

อ่านเพิ่มเติม : ผาติกรรม คืออะไร ต้องทำยังไงบ้าง และต้องทำเมื่อใด

หมายเหตุ : โปรดใช้วิจารณาณในการอ่านบทความนี้อย่างระมัดระวัง หากมีข้อมูลผิดพลาดในบทความนี้ประการใด เว็บไซต์ไทยมูเตลูขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว